25809 จำนวนผู้เข้าชม |
ซึ่งในบทความนี้ข้าพเจ้าได้รวบรวมนำความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมในการเก็บอัฐิบรรพชนของชนชาติประเทศต่าง ๆมาให้ได้ศึกษาเป็นความรู้กันว่า ในแต่ละประเทศนั้นได้มีการให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างไรกันบ้าง ดังนี้
1. คนจีนหรือคนไทยเชื้อสายจีน มีวัฒนธรรมที่สืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในตระกูลหรือครอบครัวที่มีเงิน และมีอำนาจเท่านั้นเท่านั้นถึงจะมีสิทธิเลือกพื้นที่ในการเก็บอัฐิบรรพชน ซึ่งคนจีนจะไม่นิยมเผาศพบรรพบุรุษ แต่จะนิยมฝังในสุสานแทนการเผา เพราะเชื่อกันว่าจะเป็นการเก็บเงินเก็บทอง ให้ลูกหลานมีมรดกทรัพย์สิน ความเจริญมั่นคงเก็บไว้ต่อไปในอนาคต อีกทางหนึ่งเชื่อว่า DNA ของบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วก็จะเชื่อมต่อกับลูกหลานโดยตรงไม่จางหาย ซึ่งคนจีนนั้นมักจะทุ่มสรรพกำลังในการหาจุดชัยภูมิทำเลที่ดิน ที่ตั้ง มาเพื่อเป็นที่จัดทำสุสานของบรรพชน บางครอบครัวใช้เวลาเป็นเดือน เป็นปีเลยทีเดียวเพื่อให้ได้ที่ดินที่ดีที่สุด ซึ่งนี่ก็อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนจีน ข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งรกรากในไทย เจริญเติบโตได้เร็วกว่า เมื่อเรามองย้อนกลับไปหลายๆตระกูลคนจีนนั้น มักจะมีการสร้างสุสานบรรพชนในตำแหน่งและชัยภูมิที่ดี เกื้อหนุนกันทั้งสิ้น
รูปที่เก็บอัฐิบรรพชน ณ ประเทศจีน
2. คนฮ่องกง ซึ่งในประเทศฮ่องกงนั้นที่ดินราคาสูงมาก มักจะนำอัฐิไปฝังในสุสานรวมเพราะราคาที่ดินจะแพงมาก หรือมักจะนำไปเก็บไว้ที่หอเก็บอัฐิ แต่ก็จะอยู่ในชัยภูมิที่ดีและส่งเสริมลูกหลานถึงแม้จะมีพื้นที่น้อยก็ตามแต่ถ้าจัดได้ถูกตำแหน่งแล้วก็สามารถส่งผลดีกับลูกหลานได้
3. ชาวต่างชาติ ยุโรป ก็จะเน้นนำอัฐิไปฝังในที่รวมเช่นกัน โดยที่ดินก็จะราบเรียบ เน้นธรรมชาติที่สวยงาม มีชัยภูมิราบเรียบเป็นหลัก จึงทำให้คนยุโรปนั้นก็จะมีองค์ประกอบชีวิตที่สุขสมบูรณ์
4. คนไทย ซึ่งในแผ่นดินไทยนั้น ก็มีวัฒนธรรมที่ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมา โดยจะเน้นการเผา เมื่อเผาแล้วก็จะนำอัฐิไปลอยอังคาร หรือนำไปบรรจุหาที่เก็บอัฐิ โดยคนไทยมักจะสร้าง เจดีย์ ตามกำลังซึ่งในอดีตนั้นมีพื้นที่ค่อนข้างเยอะ ประกอบกันผู้คนยังไม่เยอะมาก ก็มักจะเลือกและสร้างได้ในตำแหน่งที่ดี แต่ในปัจจุบันนี้ตรงกันข้าม เมื่อความเจริญเข้ามาอย่างรวดเร็วนั้น มักเปลี่ยนที่เก็บอัฐิ โดยมักจะไปสร้างไว้ในวัด ซึ่งพื้นที่น้อย หรือแทบไม่มีเลย และไม่มีใครได้ทำการเตรียมพื้นที่ไว้ก่อน บางกรณีนั้นไปเก็บไว้ในวัด แต่เจอประตูวัด เมรุ ถังขยะ จั่วแหลม หรือสันของมุมวัด ก็จะถือว่าจุดตรงนั้นเป็นตัวแทนของลูกหลาน ก็จะทำให้ไปเชื่อมต่อและรับพลังที่ไม่ดีในทุก ๆ ครั้งที่มีการไปไหว้และเคารพบรรพบุรุษหรือผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งคนไทยมักบอกว่า “นำอัฐิไปไว้ที่วัด ใต้ฐานพระ หรืออยู่ใกล้พระ ได้ฟังพระสวดมนต์ ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” ซึ่งถือว่าเป็นความเชื่อและความคิดที่ผิดอย่างมาก ๆ ซึ่งบางกรณีรุนแรงมาก ลูกหลานไม่ได้เอาใจใส่ นำมารวมกันไว้ที่บ้านยิ่งถือว่าผิดไปกันใหญ่ ซึ่งบางคนไม่เข้าใจการเตรียมจัดวางไว้ในที่ที่ถูกต้อง ก็จะทำให้เกิดเรื่องเดือดร้อนขึ้นมาได้ แต่ถ้าหากมีการวางในที่ตำแหน่งที่ดีแล้วนั้น ก็จะช่วยส่งเสริมลูกหลานได้ดีมาก ๆ ซึ่งนี่ถือว่าเป็นจุดที่สำคัญและละเอียดอ่อนมาก ๆ โดยเฉพาะข้าราชการที่ต้องการตำแหน่ง ยศถาบรรดาศักดิ์ ควรจะให้ความสำคัญกับที่เก็บอัฐิบรรพชนเป็นอย่างยิ่ง ถือว่ามีความสำคัญที่สุด บางท่านสงสัยว่าทำไมตำแหน่งไม่ขึ้น ไม่ได้เลื่อนขั้นสักที ทั้งที่ทำมานานมาก ๆ มีปัญหาติดขัดตลอด การงานไม่มั่นคง มีอุปสรรคปัญหาตลอด ภายในครอบครัวมีลูกหลานน้อยลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากที่เก็บของอัฐิบรรพชนว่าจัดเก็บได้ถูกที่ถูกทางหรือไม่ ชัยภูมิตำแหน่งดีหรือไม่ ซึ่งจากประสบการณ์การทำงานของข้าพเจ้านั้น ที่ผ่านมามีหลายกรณีที่เป็นแบบนี้จริง ๆ
ซึ่งผมอยากจะแนะนำเพิ่มเติมดังนี้ เพื่อให้คนไทยได้เจริญก้าวหน้า และมีความสุขมากยิ่งขึ้น
1. หาตำแหน่งที่ดีของชุมชนละแวกบ้าน จัดสรรหาที่ให้เรียบร้อย เพื่อจัดเก็บอัฐิบรรพชน
2. ไม่ควรนำอัฐิบรรพชนไปวางไว้ในวัด หรือวางไว้ตามกำแพงวัด หรือตรงตำแหน่งที่ไม่ดี
3. ถ้าได้ที่ดินติดริมแม่น้ำจะถือว่าดีมาก ๆ และมีการจัดการพื้นที่ที่ดี สะอาดและสวยงาม
เรื่องสุสานเป็นเรื่องที่มีความละเอียด และซับซ้อนเป็นอย่างมาก บางคนเจอคนที่มีความรู้จริง ๆ ก็ถือว่าโชคดีมาก ๆแต่บางคนถ้าเจอคนแนะนำหรือผู้ที่รู้ไม่จริงนั้นก็จะเกิดผลตรงกันข้ามได้ สุสานควรหมั่นไปดูแล ไปทำความสะอาด ตรวจดูโครงสร้างอยู่เสมอ ๆ ว่ามีรอยแตกร้าว รั่ว เกิดขึ้นหรือไม่ ถ้ามีควรรีบทำการซ่อมแซมแก้ไข และดูฤกษ์ยามประกอบ (ซึ่งจะต้องปรึกษาผู้รู้และผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น) ไม่ฉะนั้นแล้วจะเกิดผลไม่ดีกับลูกหลานได้ จึงอยากฝากทุก ๆท่านเอาไว้...