8355 จำนวนผู้เข้าชม |
ตำแหน่งชัยภูมิพื้นที่ของกระแส ภูเขา แม่น้ำ และถนนเป็นพลังธรรมชาติที่ไม่มีวันหมดแต่สถาปัตยกรรม การก่อสร้าง การออกแบบสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆนั้นจะเป็นตัวกำหนดว่าพลังที่มีอยู่รอบ ๆ ตัวเรานั้นจะส่งเสริมเกื้อหนุนกับตัวเราหรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้ข้าพเจ้าได้รวบรวมเกร็ดความรู้จากประสบการณ์จริงที่มีมาหลายสิบปีได้นำมาเผยแผ่บทความที่จะเป็นความรู้และถือได้ว่ามีความสำคัญยิ่งแก่ทุก ๆท่านที่สนใจในศาสตร์นี้อย่างแท้จริง
ประเทศจีน
ถ้าเรามองย้อนกลับไป จีนถือได้ว่าเป็นประเทศชาติที่ยิ่งใหญ่ และได้ผ่านเรื่องราว รวมถึงอุปสรรคปัญหาต่าง ๆในการบริหารประเทศมามากมายหลายรุ่นด้วยกัน โดยมีทั้งระบบฮ่องเต้ ขุนนาง รวมถึงปรมาจารย์ต่าง ๆ นักบวช ซึ่งดูเหมือนว่าประเทศจีนน่าจะเป็นประเทศที่เจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่าจีนนั้นก็ยังคงต้องเจอปัญหาต่าง ๆที่เกิดขึ้นในอดีตเพราะอะไร นั่นอาจเป็นเพราะสถาปัตยกรรมที่คงเหลืออยู่กับสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้นไม่สอดคล้องกัน หรือจะเรียกได้ว่า(หยิน-หยางขัดแย้งกัน) ซี่งสถานที่ที่ยกมาที่จัดเป็นสุดยอดทางฮวงจุ้ยของจีนนั้น คือ พระราชวังปักกิ่งและหอฟ้าเทียนฐาน
รูปภาพมุมสูงพระราชวังปักกิ่ง
ปักกิ่ง คือ ศูนย์กลางของอำนาจทั้งหมดของจีนซึ่งถ้าเรามองดี ๆนั้นที่ทำการรัฐบาล หรือพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนนั้นจะมีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมเรียบ ๆ ซึ่งเปรียบได้เหมือนภูเขา (หินผาที่สงบ) เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทิศทางและแนวทางของประเทศจีนนั้นจึงเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
รูปที่ทำการพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน共产党
ทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองมีความสงบร่มเย็น ประชาชนเจริญก้าวหน้ามั่นคงซึ่ง นี่ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างชาติด้วยหลักการที่ถูกต้องอย่างแท้จริง ซึ่งในเมืองปักกิ่งนั้นมีภูเขาลูกหนึ่งชื่อปาเป่าซาน八宝山งซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดรวมของกระแสและรูปลักษณ์ มียอดของภูเขาทั้งหมดแปดจุดพอดีจึงถือเป็นที่รวมสิ่งที่วิเศษแปดอย่าง ซึ่งจัดเป็นที่มีพลังที่วิเศษมาก และเป็นสถานที่ที่คนที่มีอำนาจ มีสิทธิพิเศษเท่านั้นถึงจะได้มีสิทธินำร่างมาฝัง หรือสร้างสุสานที่นี่ได้ ซึ่งได้แก่ ข้าราชการ ผู้ก่อตั้งสร้างชาติ นายทหารชั้นแนวหน้า ซึ่งภูเขาบริเวณนี้จะมีทหารเฝ้าอยู่ตลอด ห้ามสร้างทางรถไฟ ทางใต้ดิน สนามบินเด็ดขาด ซึ่งจะทำให้ไปกระทบพลังที่ดี อีกจุดหนึ่งที่ถือว่าจัดเป็นสุดยอดทางฮวงจุ้ยของจีน ที่ชาติอื่นไม่มีนั้นนั่นคือ “หอฟ้าเทียนฐาน” 天坛ซึ่งเป็นจุดที่ปรมาจารย์ของฮ่องเต้นั้นได้สร้างขึ้นเพื่อใช้ขอพรให้กับแผ่นดิน ซึ่งจุดที่ตั้งตรงนี้นั้นจะต้องมีองค์ประกอบที่ครบตามหลักของชัยภูมิเท่านั้นถึงจะทำการสร้างได้ เพื่อให้เป็นจุดที่รวมพลังของฟ้าและดิน (ซึ่งในประเทศไทยนั้นมีสถานที่หนึ่งที่ได้จำลองมาจากหอฟ้าเทียนฐาน นั่นก็คือ มูลนิธิฮูลิน จังหวัดสระบุรี ซึ่งอาจารย์ใหญ่ทางฮวงจุ้ยของไทยนั้น ได้เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างขึ้น ถือเป็นจุดที่มีพลังที่ดีที่สุดจุดหนึ่งเช่นกัน)
รูปหอฟ้าเทียนฐาน ณ ประเทศจีน
รูปลานขอพรเทียนฐาน จังหวัดสระบุรี (จุดที่ฮวงจุ้ยดีที่สุดในประเทศไทย) สามารถไปขอพรและรับพลังได้
ซึ่งเมื่อวันเวลาผ่านไปนั้นจีนยุคใหม่ก็ได้ก่อตั้งขึ้น นั่นคือกลุ่มของ ประธานเหมาเจ๋อตง ซึ่งท่านผู้นี้ถือได้ว่าเป็นผู้ที่ปฏิวัติวัฒนธรรมเก่า ๆ รวมถึงวิถีความรู้ที่งมงายด้วยไสยศาสตร์ ศาสนาออกไปหมด เพื่อใช้หลักเหตุผลทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่เข้ามาแทนที่ แต่ท่านก็ถือเป็นอีกคนหนึ่งที่ใช้ศาสตร์ของฮวงจุ้ยเข้ามาได้อย่างแยบยลที่สุดคนหนึ่ง ถือเป็นคลังสมองของประเทศและไม่ต้องการที่จะให้ผู้อื่นรู้ถึงหลักการวิชานี้ทั้งหมด ท่านจึงต้องวางแผนและทำลายสุสานทั่วประเทศ วัด บ้านคหบดีจุดเมืองที่จะมาเป็นคู่แข่งกับตนเอง และออกแบบระบบการปกครองประเทศอย่างดีที่สุด
รูปท่านประธานเหมาเจ๋อตง毛泽东
รูปชัยภูมิเมืองนานกิง南京 孙中山墓 (สุสานดร. ซุน ยัต เซ็น)
รูปป้ายสัญลักษณ์国民党พรรคก๊กหมินตั้งโดนช่องลมทิ่มแทงทั้ง4ด้าน (ฮวงจุ้ยเสีย)
ซึ่งพรรคก๊กหมินตั้งถือได้ว่าเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของเหมาเจ๋อตง หรือ พรรคคอมมิวนิสต์จีนในปัจจุบัน ซึ่งจีนได้สร้างป้ายที่ระลึกของพรรคนี้ และได้เปิดช่องลมสี่ด้าน เพื่อทะลุทิศทางให้พลังเสื่อมลงไปเอง ซึ่งถือเป็นการทำลายอำนาจของพรรคก๊กหมินตั้งไปได้ (ซึ่งถือเป็นจุดที่เป็นฐานของอำนาจพรรคด้วย) ซึ่งก็คือประเทศไต้หว้นในปัจจุบัน
ซึ่งนอกจากนี้ ยังมีเมืองเสิ่นเจิ้นที่เป็นเมืองเกิดใหม่ได้ประมาณ 40 ปี หลังจากที่ท่านเติ้งเสี่ยวผิงได้เข้ามาปกครองเมือง ท่านก็ได้ใช้เมืองเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อกับฮ่องกง เพื่อเป็นทางเปิดประตูไปสู่จีน ซึ่งสมัยก่อนเป็นเมืองชายทะเลที่ไม่มีอะไรเลย ซึ่งในปัจจุบันนี้สามารถพูดได้ว่า ได้เปลี่ยนไปแล้ว ซึ่งจัดเป็นเมืองที่มีคอนโดที่แพงที่สุดรวมตัวกันอยู่และถือได้ว่าเป็นเมืองที่มีการพัฒนาเมืองอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วมากที่สุดในโลก รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาใช้อย่างรวดเร็ว
รูปภาพทัศนียภาพเมืองเสิ่นเจิ้น深圳
เมืองเสิ่นเจิ้นเป็นเมืองที่มีราคาแพงมาก แต่รัฐบาลเจาะจงเว้นพื้นที่สีเขียวเพื่อเก็บพลัง เพื่อให้ส่งเสริมกับพื้นที่บริเวณรอบ ให้ได้รับกระแสชี่ที่ดี นี่คือความสมดุลของธรรมชาติและสถาปัตยกรรม
จากการวางผังเมืองของเสิ่นเจิ้นนั้นใจกลางเมืองมีการสร้างหอสมุดแห่งชาติขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง (ชื่อว่า Shenzhen Book City) และมีร้านหนังสือ 24 ชม. ซึ่งนอกจากร้านหนังสือข้างๆ ยังมีห้องสมุดแห่งชาติประจำเมืองเสิ่นเจิ้นเป็นรูปกวนเม่ (หมวกจอหงวนสมัยก่อน)ฝั่งหนึ่งเป็นสีน้ำเงิน (ธาตุน้ำ - การเงิน ธนาคาร ธุรกิจระหว่างประเทศ ตลาดหลักทรัพย์ ) ฝั่งหนึ่งเป็นสีแดง (ธาตุไฟ - เทคโนโลยี ระบบซอฟต์แวร์ เทคโนโลยีสมัยใหม่ สีเหลือง (ธาตุดิน) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และการเป็นศูนย์กลางดึงดูดคน เมืองเสิ่นเจิ้นเลยกลายเป็นเมืองที่มีคนต่างถิ่นเข้ามาทำงานเยอะที่สุดในจีน ฝั่งด้านหลังเป็นเนินเขาลูกย่อมๆ ที่เป็นลานสวนสาธารณะด้วย ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดชัยภูมิที่ดีของเมืองจุดหนึ่ง ซึ่งในอดีตนั้นเสิ่นเจิ้นมีเนินเขาอยู่ลูกหนึ่งชื่อว่า “เหลียนฮัวซาน”(ภูเขาดอกบัว) 莲花山 ซึ่งมีพื้นที่กว้างที่สุดที่ลานฝูเตียน ซึ่งอยู่ตรงข้ามเกาะฮ่องกง ซึ่งมีเนินดินอันหนึ่งตามหลักเรียกว่า “แป่เอี้ยขี่ตุง”平洋起突เป็นที่ราบเรียบ และมีเนินเป็นจุดเดียว คือ จุดรวมพลัง ยิ่งถ้ามีภูเขาสูงชันหลายร้อยแนว จุดราบเรียบ คือ จุดรวมพลัง (ยิ่งแตกต่างที่สุด พลังจะไปหยุดที่นั่น) ซึ่งผมได้รับความรู้ในเรื่องของฮวงจุ้ยจากการไปทำงานที่เสิ่นเจิ้น โดยหลักการต่าง ๆค่อนข้างละเอียดและมีเหตุมีผล ซึ่งทุกวันนี้ไม่มีใครไม่รู้จักเมืองนี้ ซึ่งถือเป็นเมืองที่มีGDPดีที่สุด และเป็นเมืองที่เกิดใหม่ ที่มีการรักษา แม่น้ำ ต้นไม้ ธรรมชาติต่าง ๆ ไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่มีสภาพอากาศที่ดีเยี่ยมเมื่อเทียบกับเมืองอื่น ถือว่าเป็นเมืองที่ประเทศชาติ ประชาชนเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน
รูปท่านเติ้ง เสี่ยวผิง : 鄧小平
ซึ่งการออกแบบตึกต่าง ๆในเมืองนั้นจะเน้นไปในแบบสถาปัตยกรรมที่มีความสมดุลทั้งด้านซ้ายและด้านขวา(แช่เล้ง- แปะโฮ้ว)青龙白虎长远ยื่นยาวออกไป ซึ่งถือเป็นหลักการที่มีความสำคัญมาก ๆ ซึ่งการจัดผังเมืองเสิ่นเจิ้นนั้นรัฐบาลได้จัดให้พื้นที่ตรงกลางเป็นลานโล่ง (เหม่งตึ๊ง)明堂 เพื่อรองรับพลังออกไป ซึ่งถือว่าเป็นหลักการที่สำคัญของฮวงจุ้ยอย่างมาก
ท่านเติ้งไม่มีลูกชายเพื่อสืบทอดตระกูลท่านได้สร้างชาติด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นจวบจนบั้นปลายชีวิตของท่าน ท่านได้ขอให้นำกระดูกของท่านไปโปรยไว้รอบ ๆเกาะฮ่องกงและเสิ่นเจิ้น อีกส่วนหนึ่งก็ได้นำไปฝังไว้ที่อนุเสารีย์ที่รูปปั้นของท่าน ซึ่งถ้าทุกท่านมีโอกาสก็สามารถไปรับพลังที่ดีที่นี่ได้
เสิ่นเจิ้นจึงได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีนักวิทยาศาสตร์ นักเทคโนโลยี นักทำเว็บ โปรแกรมเมอร์ต่าง ๆที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่นเว็บ คิวคิว微信 百度 淘宝 วีแชด ซึ่งส่วนใหญ่สำนักงานจะอยู่ที่นี่ทั้งหมด ซึ่งถือเป็นความเจริญรุ่งเรืองที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากถือเป็นกุศโลบายฮวงจุ้ยสร้างชาติ ซึ่งตำแหน่งที่ตั้งหันไปเจอ หมวกบัณฑิต 官帽หมายถึง ลูกหลานจะเป็นบัณฑิต มีความรู้ความสามารถจะเกิดเป็นมหาเศรษฐี ผู้ร่ำรวยและยิ่งใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันประชาชนในเมืองเสิ่นเจิ้นนั้น ประชาชนคนส่วนใหญ่จัดได้ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มากกว่าคนเมืองอื่น ๆรวมถึงเด็กรุ่นใหม่ทุกคนที่เกิดมาก็จะรู้จักการทำงาน หาเงิน การพูดก็จัดได้ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้มากกว่าในอดีต นี่คือส่วนหนึ่งที่ยกมาซึ่งถือว่าเป็นฮวงจุ้ยสร้างคน คนสร้างชาติ ของจีน...
รูป ตึกหอคอยคู่ Vertical Campus ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่มีมูลค่าและร่ำรวยที่สุดของจีนในเวลานี้อย่าง Tencentผู้พัฒนาโปรแกรมแชทยอดนิยมของคนจีนอย่าง WeChat
ฮ่องกง (香港)
รูปภาพทัศนียภาพของฮ่องกง香港
ฮ่องกงเป็นเขตปกครองตนเองตั้งอยู่ริมฝั่งทางใต้ของประเทศจีน ในทางภูมิศาสตร์มีสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียงและทะเลจีนใต้โอบรอบ ซึ่งถือได้ว่าได้รับพลังจากจีนวิ่งข้ามน้ำข้ามทะเลมา ซึ่งภูมิประเทศล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำ สายน้ำแห่งความรื่นรมย์ ซึ่งมีทั้งภูเขา และเกาะล้อมรอบ มีพลังมังกรโอบอุ้ม เลยทำให้ฮ่องกงนั้นจัดเป็นศูนย์กลางทางการเงิน คนจากทั่วโลก ซึ่งในอดีตนั้นราคาที่ดินในฮ่องกงนั้นมีราคาไม่แพงมาก ซึ่งมีพื้นที่สีเขียว พื้นที่โล่ง ตึกสูงตามพอเหมาะพอสมควร แต่ในปัจจุบันนี้ ราคาที่ดินแพงมากจึงทำให้เกิดเป็นตึกสูงเกิดขึ้นทุกซอกทุกมุมเต็มเมืองไปหมด จึงทำให้ที่ว่างหรือ space พื้นที่โล่งนั้นได้หายไป ซึ่งในทางฮวงจุ้ยนั้นถือว่าเสียหายมาก ๆ ซึ่งจุดศูนย์กลางรัฐบาลของฮ่องกงนั้น ตำแหน่งหงส์แดงภูเขาถูกกดทับชัยภูมิบนที่นั้นพอดี (ภูเขาไร้น้ำใจ) สายน้ำไหลหวนคืน ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ คนฮ่องกงอพยพไปอาศัยอยู่ต่างประเทศเยอะมาก ๆ และลูกหลานรุ่นใหม่ ๆ ก็ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ผู้ใหญ่ คนรุ่นใหม่ขาดความรักชาติ ซึ่งนั่นก็เพราะฮวงจุ้ยเป็นตัวกำหนดเหตุการณ์ต่าง ๆที่จะเกิดขึ้นกับประเทศและคนที่อาศัยอยู่ภายในประเทศนั่นเอง
รูปภาพย่านศูนย์กลางธุรกิจของฮ่องกง
นอกจากนี้ยังมีจุดที่ถือได้ว่าเป็นจุดที่มีความสำคัญทางฮวงจุ้ยของฮ่องกงนั่นก็คือ ตึก "HSBC" นอกจากด้านหลังมีภูเขา ด้านหน้าติดทะเลแล้ว ตึกนี้ตั้งอยู่ฝั่งเกาะฮ่องกง เป็นตึกที่โชว์โครงสร้างตึกอย่างสวยงาม แต่ก็ได้เกิดปัญหาเกิดขึ้นเมื่อมีตึกสร้างขึ้นมาทีหลังอย่าง "Bank of China Tower" ที่มีลักษณะเด่นชัดว่าคล้าย"ดาบ" ฟาดฟัน 10 ทิศ รวมถึงหันคมดาบมาทางตึกเจ้าเก่าอย่าง HSBC อีกด้วย ถือเป็นเจตนาแอบแฝงร้ายกาจในทางฮวงจุ้ย (เมื่อเล่นของมีคมมา งั้นต้องเจออาวุธหนักกลับไป) ดังนั้นทาง HSBC จึงแก้ฮวงจุ้ยด้วยการติดตั้ง เครนขนาดใหญ่บนดาดฟ้าตึก แค่มองก็รู้ครับว่าเจตนาให้เหมือน"ปืนใหญ่" ตึกตรงกลาง คือ ตึกเฉิงกงของตระกูลลีกาซิง เพราะฉะนั้น ซ้ายรับทั้งปืน ขวารับทั้งมีด ซึ่งจุดนี้ถือว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่มีแต่เรื่องราว ปัญหาที่แก้ไม่จบ ส่วนหนึ่งก็มาจากชินแสที่ขาดคุณธรรม ไม่เข้าใจหลักเต๋าที่แท้จริง ก็คือการอยู่ร่วมกันของพลังชี่ เพราะถ้าเมื่อ ขัดแย้งกันแล้ว ผลกระทบก็จะเกิดกับทุก ๆคน ณ ที่แห่งนั้น ด้วยเพราะอะไร เมื่อฮวงจุ้ยที่เสียนั้นภาพนี้ก็อยู่ในธนบัตรฮ่องกงทุก ๆใบด้วยเช่นกัน ทำให้ผลก็จะเกิดกับทุก ๆคน นี่คือฮวงจุ้ยทำลายชาติบ้านเมือง โดยที่ไม่รู้ตัว หรืออาจจะมีคนตั้งใจ และนี่คือ สถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นมาและมีผลในทางชัยภูมิของฮวงจุ้ยอย่างมหาศาล ซึ่งถ้าหากเราไม่เข้าใจและไปเกี่ยวข้องกับจุดที่มีปัญหา เรื่องราวต่าง ๆ ก็จะมาหาเราได้ในไม่ช้าก็เร็ว...
สาธารณรัฐสิงคโปร์
เป็นนครรัฐสมัยใหม่และเป็นประเทศที่เป็นเกาะขนาดเล็กที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีน้ำล้อมรอบตั้งอยู่นอกปลายทิศใต้ของคาบสมุทรมลายู แบ่งแยกออกมาจากมาเลเซีย ซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นเสือ ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้สิงคโปร์โกรธแค้นมาก และต้องการสร้างความเหนือกว่า เลยใช้รูปปั้นสัญลักษณ์รูปสิงโต (ผู้เป็นใหญ่ในเจ้าป่า) ส่วนหัวและใช้ส่วนหางเป็นปลา แสดงถึงความเป็นใหญ่ในท้องทะเลรวมเข้าด้วยกัน (ผู้เป็นใหญ่ทั้งในป่าและในท้องทะเล)
โดยในปีค.ศ.1972 ลีกวนยู ได้เชิญอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถมาออกแบบรูปปั้นนี้จึงเป็นเหตุให้สิงคโปร์มีความเจริญรุ่งเรืองตลอดมาจนทุกวันนี้ ต่อมาในปีค.ศ.1997 รูปปั้นสิงห์ได้มีการแตกหักชำรุด และประกอบกับเมืองกำลังมีการสร้างทำทางรถไฟฟ้าใต้ดินทำให้ปีนั้นประเทศพบกับปัญหาต่าง ๆมากมาย เพราะทางรถไฟไปกระทบกับพลังมังกรใต้ดินในช่วงที่กำลังทำการสร้าง และมีการเจาะที่ดินลงไป ด้วยเหตุนี้จึงนำมาสู่การแก้ไขปัญหาโดยการ ออกผลิตเหรียญรุ่นใหม่ให้มีรูป8ทิศในเหรียญเป็นรูปแปดเหลี่ยม ซึ่งสื่อถึงยันต์โป๊ยก่วยเอาไว้ใช้ป้องกันสิ่งอัปมงคล และช่วยสะท้อนอันตรายต่าง ๆ ออกไปจากตนเอง จึงทำให้ประเทศกลับมาเจริญก้าวหน้าอีกครั้ง...........
ประเทศสิงคโปร์ เป็นประเทศที่มีการวางผังเมืองเป็นอย่างดี และคำนึงถึงหลักธรรมชาติ พื้นที่สีเขียว มลภาวะ สภาพอากาศ ซึ่งนอกจากนี้รัฐบาลยังได้ระดมเงินทุนปิดทางน้ำที่จะไหลออกจากประเทศ(ดักพลัง) เพื่อแก้ฮวงจุ้ยของประเทศ โดยการสร้างโรงแรมชื่อ Sands เป็นรูปตาข่ายเพื่อดักพลัง ปิดช่องทางทางน้ำไม่ให้ไหลออกสู่ทะเล(สายน้ำเปรียบเสมือนการเงิน) และมีถนนล้อมรอบอีกที เพื่อเสริมฮวงจุ้ย โดยการใช้สถาปัตยกรรมสมัยใหม่เพื่อมาช่วยแก้ฮวงจุ้ยและออกแบบให้สอดคล้องกัน ถือว่าผู้นำได้มีวิสัยทัศน์อย่างก้าวไกลและดีเยี่ยมในการวางระบบที่ดี...
รูปMarina Bay Sands สิงคโปร์
สหรัฐอเมริกา (United States of America)
สหรัฐอเมริกาก็ถือเป็นประเทศมหาอำนาจอีกประเทศหนึ่งที่ให้ความสำคัญทางด้านฮวงจุ้ย ซึ่งศูนย์กลางพลังของประเทศนั้นจะยึดที่ทำเนียบขาวเป็นศูนย์กลาง โดยรูปทรงของตัวอาคารนั้นจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมมีโดมยอดกลม (ธาตุดิน-ทอง) มีพลังและสีของอาคารขาว ซึ่งชาวตะวันตกคือธาตุทองโดยภูมิอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจะถือว่ามีพลังส่งเสริมที่สมบูรณ์ ซึ่งธาตุทองยังหมายถึง โลหะ เหล็ก ทองคำ รถยนต์ และอาวุธ ของมีคมต่าง ๆ
รูปทำเนียบรัฐบาล (ทำเนียบขาว) White house
ซึ่งนอกจากนี้ ถ้าเรามองดูทิศทางการไหลของกระแสน้ำ ตำแหน่งทางน้ำที่เสียทิศ นั่นคือทิศมะเส็งซึ่งก็จะส่งผลกับบุคคลที่เกิดปีมะเส็ง (ทับราศีปีเกิด) ก็จะมีโอกาสที่จะเกิดเรื่องขึ้นในปีนั้น ๆ เช่น ลินคอน (ปีมะเส็ง),เคนเนดี้ (ปีมะเส็ง) ซึ่งทุก ๆ ปีมะเส็ง อเมริกาจะเกิดเรื่องราวต่าง ๆขึ้น เช่น เหตุการณ์ 911 ก็เกิดขึ้นในปีมะเส็งซึ่งนี่คือจุดอ่อนของสถาปัตยกรรม ที่มีผลต่อตำแหน่งของปีเกิดและทิศทางเลยทำให้มีคนตั้งคำถามว่า “ตั้งแต่มีการแต่งตั้งประธานาธิบดีขึ้นมาทำไมประเทศอเมริกา จึงตกมาเรื่อย ๆ เพราะเหตุอะไร...นั่นก็พอดีกับท่านประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เกิดปีมะเส็งพอดี )
ห้องทำงานรูปไข่
ด้วยการออกแบบตกแต่งทางด้านสถาปัตยกรรมก็จะต้องมีการออกแบบและตกแต่งให้ดีที่สุดไม่ว่าจะด้วยขนาดความกว้าง ความสูง สัดส่วนต่าง ๆ แต่ถ้าเรามองย้อนกลับกัน ตำแหน่งที่นั่งของท่านประธานาธิบดีนั้น ตำแหน่งด้านหลังก็เปรียบได้เหมือนกับ ตำแหน่งของบารมี ถึงแม้ท่านผู้นำอเมริกา จะมีอำนาจล้นฟ้าแต่สุดท้ายก็ไม่สามารถรักษาตำแหน่งต่อไปได้ ซึ่งก็มักจะเกิดขึ้นกับทุกยุคทุกสมัย ซึ่งเป็นเพราะข้างหลังเปิดโล่ง ขาดภูเขาหนุน สนับสนุน หมดอำนาจสิ้นไปนั่นเอง จะแตกต่างกับห้องทำงานของปูติน ซึ่งด้านหลังโต๊ะทำงานจะดูหนักแน่นและมั่นคง ซึ่งก็จะสามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้อย่างถาวร
รูปห้องทำงานของท่านวลาดีมีร์ วลาดีมีโรวิช ปูติน
มหานครนิวยอร์ค
รูปทัศนียภาพมหานครนิวยอร์ค
เป็นศูนย์กลางทางการเงินของสหรัฐอเมริกาซึ่งอยู่ด้านทิศตะวันออก หันออกสู่ทะเล ซึ่งเป็นจุดที่เป็นศูนย์รวมของแม่น้ำมารวมกัน ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางของพลัง (ตำแหน่งขุมทรัพย์แห่งความร่ำรวย) มีแม่น้ำสามสายวิ่งขนาบข้างเกาะแมนฮัตตันและยังมีเกาะอยู่ปลายสุดปิดช่องทางน้ำอีก (ซึ่งการจะกำหนดตำแหน่งแบบนี้ไม่ใช่เรื่อบังเอิญอย่างแน่นอนและปลายสุดเป็นท้องแม่น้ำเปิด ตรงกลางมีลานเก็บทรัพย์เป็นบ่อน้ำ (อิม) (Central park) สองข้างมีแม่น้ำไหลอย่างต่อเนื่อง (เป็นกระแสเอี๊ยง)และปลายสุดมีแขนสองข้างมาปิดช่องน้ำภายใน และภายนอกอย่างสมบูรณ์ ซึ่งทำให้อเมริกาเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลกมาโดยตลอด
สำนักงานใหญ่ของ Trump (Trump Tower)
ตั้งอยู่บริเวณเกาะแมนฮัตตันเช่นกัน สร้างขึ้นในปีค.ศ.1980 ตำแหน่งของตัวตึกนั้นหันไปทางสวนสาธารณะพอดี ข้างหน้าตึกเป็นลานโล่ง(เหม่งตึ๊ง) สมบูรณ์ที่สุดซึ่งถือว่าเป็นจุดหนึ่งที่มีพลังที่ดีที่สุดในโลก ก็จะส่งผลให้มีอำนาจ เป็นประธานาธิบดีของประเทศมหาอำนาจ ซึ่งการออกแบบประตูภายในชั้นล่างนั้น เปิดรับพลังแสงสว่างและที่สำคัญ มีนาฬิกาที่สวยงามอยู่ด้านหน้าฝั่งมังกร ซึ่งตรงกับคำที่ว่า( เวลาเป็นเงินเป็นทองลาภผลเพิ่มพูนทวี ) ซึ่งทรัมป์เองห้องทำงานได้อยู่ชั้นที่ 68 แต่กฎหมายของนิวยอร์คนั้น ให้สร้างตึกได้เพียงแค่ 60 ชั้นเท่านั้น ก็เลยได้แก้เคล็ดด้วยการเปลี่ยนชั้นที่อยู่นั้นเป็นชั้น 68 เพราะ 6 คือธาตุทอง ซึ่งเป็นธาตุประจำตัวของทรัมป์นั่นเอง ทรัมป์อาศัยอยู่ที่นี่มาตลอด 30 ปี ซึ่งปีค.ศ.2016 ทรัมป์ได้ถูกเลือกให้เป็นประธานาธิบดี คนที่ 58ของประเทศพอดี แล้วท่านทั้งหลายคิดว่าทรัมป์นั้นจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปหรือไม่...
รูปทัศนียภาพมุมสูงมองจากตึกTrump Tower (ฮวงจุ้ยที่ดีของตึกนี้ทำให้ส่งเสริมให้เป็นมหาเศรษฐี และได้เป็นประธานาธิบดี ซึ่งภาษาจีน ตรงกับคำว่า 富贵双全
รูปตึกสำนักงาน Trump Tower ฝรั่งหลายประเทศก็มักจะมีชินแสที่มีความรู้จริงที่คอยให้คำแนะนำซึ่งทรัมป์ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ประเทศไทย
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ประเทศไทยถือได้ว่าเป็นประเทศหนึ่งของโลกที่มีการจัดวางผังเมืองตามหลักของฮวงจุ้ยเช่นกัน ซึ่งถ้าพูดถึงในอดีต จังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดคือจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุด โดยชัยภูมิของอยุธยาในอดีตนั้นเป็นรูปเกาะคล้าย ๆกระเพาะหมู เป็นที่รวมของแม่น้ำทุกสายมารวมกันจนเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ไหลออกสู่อ่าวไทยได้ สมัยก่อนก็มีการขนส่งทางเรือสินค้าจากต่างประเทศมาถึงอยุธยาได้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในสมัยก่อนนั้นอยุธยาจัดว่ามีความร่ำรวยเป็นอย่างมาก เป็นเมืองที่มีวัดวาอารามเกิดขึ้นเยอะมาก ๆ มีทองคำ และสมบัติมหาศาล แต่ด้วยชัยภูมิรอบด้านนั้นไร้เขาพึ่งพึง จำทำให้เกิดความไม่มั่นคงทำให้ศัตรูเข้าได้รอบด้านทุกทิศทุกทาง และสิ้นเมืองไปในที่สุด
รูปผังเมืองกรุงศรีอยุธยาในอดีต
จังหวัดเชียงใหม่
รูปทัศนียภาพมุมสูงดอยสุเทพ
เชียงใหม่นั้นเป็นจังหวัดที่อยู่ทางตอนเหนือของไทย ได้แหล่งต้นพลังมาจากภูเขา ซึ่งเชื่อมต่อพลังมาจากเขาคุนลุ้น昆仑山 ประเทศจีน มีเทือกเขาเชื่อมต่อ เชียงใหม่ในอดีตนั้นจึงเป็นศูนย์กลางคลุมหัวเมืองทางภาคเหนือทั้งหมด ซึ่งผังเมืองของเชียงใหม่นั้นเป็นลักษณะของคูเมืองรอบ ๆมีลำน้ำ แม่น้ำ ธรรมชาติซึ่งสนามบินเชียงใหม่นั้นก็มีพลังที่ดีเช่นกัน มีภูเขาอยู่บริเวณด้านหลังรองรับพลังที่ดี ถึงแม้เชียงใหม่จะไม่ใช่จังหวัดที่มีสาธารณูปโภคที่ดีนักแต่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกก็มีไม่เคยขาดเลย
จังหวัดกรุงเทพมหานคร
เมืองหลวงของประเทศไทย ซึ่งจุดศูนย์กลางของพลังหลักนั้นเราจะดูที่ ศาลหลักเมือง และวัดพระแก้ว เพราะสองจุดนี้ถือได้ว่าเป็นจุดของลานพลัง ซึ่งเป็นจุดที่มีกระแสไหลเวียนส่งเสริมที่ดีที่สุด
วัดพระแก้ว
รูปวัดพระแก้ว
มีการสร้างออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยและงดงามอย่างมาก มีสนาม ลานเก็บพลังภายใน ด้านนอกมีสนามหลวงเป็นลานกลางซึ่งเป็นพลังภายนอก มีกระแสแม่น้ำเจ้าพระยาโอบอุ้มฝั่งมังกร แม่น้ำมีความอ่อนช้อยอ่อนโยน พลังจะยืนยาว นี่คือเหตุผลที่ทำไมพระพุทธศาสนาไม่ได้เกิดที่ประเทศไทย แต่มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก และจะรุ่งเรืองตลอดไปตราบนานเท่านาน เพราะตำแหน่งที่ตั้งนั้นถูกต้องและสอดคล้องกับหลักของชัยภูมินั่นเอง
ธนาคารแห่งประเทศไทย
รูปที่ตั้งธนาคารแห่งประเทศไทย
ซึ่งตำแหน่งที่ตั้งของธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ตั้งอยู่ในตำแหน่งคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยาที่สวยและงดงามมาก มีสะพานพระราม8 มาช่วยดักพลังทำให้แม่น้ำเกิดการชะลอพลัง ซึ่งศูนย์กลางทางการเงินของไทยอยู่ในตำแหน่งนี้ถือว่าดีมาก ๆ ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตใด ๆ จะผ่านพ้นไปได้แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นต้องมีการปรับผังภายในตัวอาคารด้วยก็จะยิ่งส่งเสริมให้ดียิ่งขึ้น
ตลาดหลักทรัพย์
ในอดีตอยู่ที่สินธรตรงสวนลุมพินี ตัวตึกเปิดรับกระแสพลังถนนที่วิ่งมาทุกสาย ทำให้เจริญรุ่งเรืองมาโดยตลอด
รูปตลาดหลักทรัพย์อาคารสินธร
แต่เมื่อเวลาผ่านไปนั้นได้ย้ายมาอยู่ที่บ่อนไก่ข้างศูนย์สิริกิติ์ ซึ่งแผนผังรูปลักษณะที่ดินนั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่ไม่สมดุล มีแหลมทิ่มแทงหลายมุม และเจอสะพานขาลงทางด้านหน้าทำให้ หุ้นค่อย ๆตกลงมาจนไม่ถึงพันจุด และระบบเศรษฐกิจการเงินเสียหายอย่างมากในเวลานั้น เกิดไฟไหม้โดนทำลาย นี่คือการที่สร้างตามหลักสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ โดยที่ไม่สอดคล้องกับพื้นที่และฮวงจุ้ยที่ดี ผลก็จะตกกับประชาชนและประเทศชาติ ข้าพเจ้ามีส่วนผลักดันให้เกิดการย้าย ตลาดหลักทรัพย์ใหม่มาโดยตลอด ซึ่งวันนี้ก็ได้ทำการย้ายไปที่แห่งใหม่ ทำให้หุ้นก็เริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น แต่สิ่งที่เสียไปร่วม 10 ปี ในตลาดหลักทรัพย์แห่งเก่านั้น ก็คือเงินของผู้ถือหุ้นและทรัพย์สินของแผ่นดินที่ไม่อาจย้อนคืนมา และนี่ก็คือ เหตุผลหลักที่ทำให้ไทยต้องหลุดจากตำแหน่งสี่เสือของเอเชีย ก็มาจากการวางฮวงจุ้ยที่ผิดและทำลายชาติ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรืออาจะมีผู้ที่ไม่หวังดี
รูปอาคารตลาดหลักทรัพย์ข้างศูนย์สิริกิติ์
หลังจากนั้นก็ได้มีการย้ายมาอยู่ที่ ถนนรัชดา มีสถานทูตเป็นลานโล่งรับพลัง มีพลังกระแสที่สมบูรณ์ ไม่มีสะพานขาลง ตึกหันไปรับกับถนนฝั่งตรงข้ามที่ทอดยาวและมีพลัง จึงทำให้หลายปีมานี้ถือว่าดีขึ้นเพราะด้วยการสร้างทางสถาปัตยกรรมที่สอดรับกับชัยภูมิที่ดีนั่นเอง
รูปตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้ข้าพเจ้าได้ทำการศึกษามาจากประสบการณ์การทำงานของข้าพเจ้า จึงอยากนำมาเผยแผ่ให้ทุกท่านได้เป็นวิทยาทานความรู้เพื่อศึกษาต่อไป...